|
 |
 |
- ต้องการซื้อหุ้นเพิ่ม แต่ซื้อไม่ได้ วงเงินไม่พอ
- วงเงินซื้อหุ้นของท่านถูกจำกัด จากผู้ที่ไม่รู้จักตัวท่านดีพอ
ที่จะเพิ่มวงเงินให้กับท่าน
- ต้องรับจ่ายเงินค่าซื้อขายหุ้น แล้วยังต้องไปธนาคารอีก
- ซื้อขายหุ้น โดยไม่มีการเลือกสรรหุ้นที่มีคุณภาพ บางครั้งเป็นหุ้นที่ขาดสภาพคล่อง
ซื้อง่าย ขายยาก
|
|
 |
 |
- เป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้กับนักลงทุน ที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์มากกว่าเงินลงทุนที่ตนมีอยู่
- มีความคล่องตัวในการกู้ยืมสูงกว่าเงินกู้ยืมทั่วไป
- ลดภาระการติดต่อกับธนาคาร กรณีต้องชำระราคา และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการออกเช็คสั่งจ่าย
อีกทั้งเป็นการป้องกันความเสี่ยง ในเรื่องของการผิดนัดชำระค่าซื้อหลักทรัพย์
- ระบบมาร์จิ้นเดิมจะคิดดอกเบี้ยเงินกู้ตั้งแต่เงินบาทแรกที่ซื้อหุ้น
โดยไม่ได้นำยอดเงินซื้อหุ้นนั้นไปหักออกจากเงินวางเป็นประกันก่อน
แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมในระบบเครดิตบาลานซ์ จะเกิดเมื่อใช้เงินวางเป็นประกันหมดก่อน
และเมื่อเริ่มใช้เงินกู้ยืม จึงจะเริ่มคิดดอกเบี้ย
- ระบบเครดิตบาลานซ์ เป็นการสะท้อนภาพรวมของ Port การลงทุนด้วยราคาตลาด
นักลงทุนจะทราบสถานะของตนทั้งมูลค่าทรัพย์สินที่มีอยู่อันประกอบไปด้วย
เงินสดและหลักทรัพย์ที่ซื้อหรือวางเป็นประกัน และทราบมูลค่าหนี้สินของตน
ซึ่งก็คือเงินที่กู้ยืมไปซื้อหลักทรัพย์นั่นเอง ตลอดจนทราบส่วนทุนของตนที่เกิดจากทรัพย์สิน
ลบ หนี้สิน ซึ่งจะ ทำให้นักลงทุนสามารถประเมินการลงทุนของตนได้อย่างถูกต้อง
และเหมาะสมกว่าระบบมาร์จิ้นเดิมที่มองกำไรขาด ทุนของหุ้นเป็นรายตัว
ดังที่จะเห็นได้ว่า การลงทุนในหลักทรัพย์ด้วยระบบเครดิตบาลานซ์
จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้อย่างน่าพึงพอใจ แต่อย่างไรก็ตามในการตัดสินใจ
นักลงทุนก็ควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนมาประกอบการพิจารณาด้วย
|
|
|